Thailand : Moving forward to the future
ในงานสัมมนา "Moving Forward 2 ล้านล้าน ขับเคลื่อนไทยทัดเทียมโลก" ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันอังคาร 30 กรกฎาคม 2556 โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "ก้าวเดินไปข้างหน้า เพื่อเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน" ว่า
การเสนอร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่งกำลังจะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และ 3 เร็วๆนี้ และในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯได้ปรับลดจาก 19 มาตราเหลือ 18 มาตรา
มาตราสำคัญ เช่น มาตรา 5 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่ให้กระทรวงการคลังดำเนินการ โดยอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี มีอำนาจในการกู้เงินตราในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยมูลค่าไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อใช้จ่ายด้านพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งนี้การกู้เงินดังกล่าวให้กระทำไม่เกิน 31 ธ.ค. 2563 นอกจากนี้ อีกมาตราสำคัญ คือ มาตรา 14 กำหนดให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งประเทศตามยุทธศาสตร์ได้กำหนดขั้นตอนการเสนอโครงการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์โดยหน่วยงานต้องจัดทำรายละเอียดดำเนินโครงการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณาอนุมัติการดำเนินโครงการและจัดสรรเงินกู้ดังนั้นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายที่จำเป็นโดยดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วนและเสนอรายละเอียดโครงการต่อสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อกลั่นกรองเสนอความเห็นไปยังครม.
ที่เข้าใจว่ากฎหมายนี้เหมือนเขียนเช็คเปล่าให้ใครไปลงทุนอะไรก็ได้ไม่เป็นความจริงการอนุมัติพ.ร.บ.นี้เป็นการกำหนดกรอบการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งที่ควบคุมขนาดลงทุนไว้ที่2ล้านล้านบาท
การลงทุนที่ผ่านมาของภาครัฐและเอกชนซึ่งเป็นการเทียบขนาดการลงทุนของประเทศกับจีดีพีซึ่งไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ25 ของจีดีพี โดยก่อนวิกฤตเศรษฐกิจมีการลงทุนมากทั้งรัฐและเอกชน รวมกันร้อยละ 42 หลังจากนั้นเป็นต้นมาเศรษฐกิจเผชิญปัญหาความไม่พร้อมของภาครัฐชัดเจน ส่งผลให้มีการลดการลงทุนลง การลงทุนภาครัฐและเอกชนรวมกันไม่เคยเข้าใกล้ ร้อยละ 25 เทียบกับจีดีพีเลย
โดยภาครัฐลงทุนน้อยลงต่อเนื่องเมื่อเทียบสัดส่วนจีดีพี ตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้ เป็นเวลา 10 ปีที่เราลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์ที่ควรกำหนดให้มีการลงทุน จะเห็นว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ จะมี อาทิ ลงทุนในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์
ใน 2 ล้านล้านบาท มียุทธศาสตร์ที่แบ่งสัดส่วนสำคัญคือ ปรับเปลี่ยนระบบการขนส่งของเรา ไปสู่การใช้การขนส่งสินค้า และการโดยสารไปยังรูปแบบที่มีการขนส่งต้นทุนถูกลง จากทางถนนแพงสุด และทางรางถูกลงมาก และทางน้ำถูกที่สุด ดังนั้น การชักชวนให้ปรับเปลี่ยนระบบจึงเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์
ลำดับต่อมาคือยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงที่ผ่านมาถนนยังไม่เชื่อมรถไฟส่วนรถไฟไม่เชื่อมน้ำและยังไม่เชื่อมเมืองเส้นทางถนนด้านตะวันตกและตะวันออกที่เราพยายามเชื่อมเมียวดีพม่าผ่านพิษณุโลกไปยังสะหวันนะเขต ยังเป็นสองเลนจำนวนมาก และสี่เลนมีไม่ทั่วถึง สิ่งเหล่านี้จะเชื่อมโยงจุดต่างๆได้ และยุทธศาสตร์สุดท้ายคือ จะช่วยแก้ปัญหาให้การเคลื่อนตัวขนส่งสินค้าได้เร็วขึ้น
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า กฎหมายที่ออกฉบับนี้เน้นการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นโครงสร้างการลงทุนขนาดใหญ่และประเมินความคุ้มค่าได้ ซึ่งไม่ได้เป็นการกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีโครงการเล็กๆกระจัดกระจาย แต่หวังให้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อไปต่อยอดเศรษฐกิจในอนาคต โดยศึกษารอบคอบ เพราะกว่าครม.จะอนุมัติต้องคำนวณความคุ้มค่าลงทุนซ้ำและดำเนินผ่านกฎหมายเกี่ยวข้องทั้งสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยครบถ้วน ครม.จึงจะพิจารณาอนุมัติในแต่ละโครงการ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเตรียมเงินไว้เพื่อการลงทุน รวมทั้งการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในการรองรับโครงการต่างๆด้วย
ภาพรวมของโครงการ2ล้านล้านจึงเป็นการลงทุนที่มีทั้งทางรางทางถนนทางน้ำและศุลกากร โดยเรื่องทางรางเป็นการลงทุนในสัดส่วนที่มาก แต่รัฐบาลเคยวิเคราะห์ให้เห็นว่าถ้าเราจะลงทุนในระบบของเราเต็มรูปแบบและทำให้ประเทศเรามีความพร้อมที่สุด เราถูกคาดหวังให้ลงทุน 4.2 ล้านๆ แต่หารือกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร เราควรจะถึงขนาดให้เป็นประเทศความพร้อมสูงสุดเลยหรือไม่ ก็พิจารณาให้ประเมินคุ้มค่าพอเดินได้ที่จะต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยพิจารณาประกอบไปกับการลงทุนหนี้สาธารณะของประเทศให้ต่ำในระดับที่น่าพอใจ
หนี้สาธารณะตามกรอบวินัยการคลังได้กำหนดไว้โดยรมว.คลังของรัฐบาลก่อนหน้าได้ปรับเพดานจากรอยละ50เป็น60ซึ่งยืนยันว่าเราจะควบคุมหนี้สาธารณะไม่ให้เข้าร้อยละ60 หรือ ซึ่งสว่นต่างร้อยละ 10 จะเทียบเท่ามูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นความปลอดภัย
ทั้งนี้ สบน. มีการดำเนินการระดมทุนเพื่อชำระหนี้เดิม และดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระดมตลาดในประเทศเป็นจำนวน 1.15 ล้านๆต่อปี รัฐบาลมีแนวทางกู้เงินให้สอดคล้องกับการลงทุน สภาพคล่องหลักๆที่ดูแล ทั้งจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่ามีสภาพคล่อง ที่เป็นเงินจำนวนรวมเกิน 3 ล้านล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลดำเนินการ 2 ล้านล้าน อย่างค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลา 7 ปี และมีสภาพคล่อง 3 ล้านล้าน รอการดำเนินการอยู่ ดังนั้นในแง่สถาบันการเงินต่างๆไม่ต้องตกใจ เมื่อวานพบ ธปท. ได้บอกไปเราควรทำความเข้าใจตลาดเงินในประเทศไม่ต้องตื่นเต้น ระดมชิงเงินฝากมากมายเพราะสภาพคล่องขณะนี้มีอยู่มาก
ส่วนระดับหนี้สาธารณะถ้าเรากลับมาลงทุนหลังจากไม่ลงทุนมานานและควบคุมหนี้สาธารณะให้ต่ำโดยทำได้ด้วยการคำนวณ7ปี ทยอยกู้เงินเพื่อมาชำระการลงทุนก่อสร้าง ซึ่งทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปใช้เงินงบประมาณชำระดอกเบี้ยอย่างรอบคอบ
ส่วนการลงทุนนี้จะมีภาคเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องแค่ไหนนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า หลายโครงการที่เอกชนไม่ลงทุนแน่ เช่นสร้างถนนไม่เก็บค่าผ่านทาง การขยายถนน เพราะไม่มีรายได้เอกชน ดังนั้นภาครัฐพร้อมลงทุนให้ขยายตัวจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ แต่มีบางโครงการจัดเก็บรายได้ เช่น รถไฟจัดเก็บค่าโดยสาร มีรายได้จุดอื่นๆให้บริการ ระบบรถไฟฟ้าในเมือง เป็นเรื่องที่จะมีรายได้ ถ้าเป็นถนนมีการจัดเก็บค่าผ่านทางก็จะเป็นโอกาสเอกชนลงทุน รัฐสนใจแต่สิ่งที่เราต้องการให้แน่ใจ ถ้าเอกชนยังลังเล รัฐได้ผ่านกฎหมายที่รัฐสามารถลงทุนได้เอง เชื่อว่า พอลงทุนไปไม่ถึง 2 ล้านล้านเชื่อว่า จะมีเอกชนเสนอตัวเข้ามาลงทุนร่วมกับรัฐในการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ....(PPP) ซึ่งเพิ่งผ่านกฎหมายฉบับนี้ไป
โครงการ 2 ล้านล้าน จะมีผลต่อเศรษฐกิจ เพราะทำให้จีดีพีเติบโตขึ้น รวมทั้งเงินลงทุนก็ถือเป็นจีดีพีด้วย โครงการเสร็จสิ้นจะทำให้จีดีพีประเทศเติบโตก้าวกระโดด เพราะมีความเสถียรภาพเกิดขึ้นมาก
กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่าการดำเนินการกู้เงินในกรอบไม่เกิน 2 ล้านล้าน รักษาวินัยการคลังได้อย่างดีไม่มีอะไรที่ขัดต่อการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อื่นและรัฐธรรมนูญ หวังว่ากฎหมายนี้ได่ผ่านเป็นประโยชน์ของประเทศ และโครงการนี้จะเป็นไปด้วยความซื่อตรงโปร่งใสไร้ทุจริตประพฤติมิชอบ
Resource from :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1375170200
Resource from :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1375170200
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น